“แสก” เป็นชนเผ่าหนึ่งในจำนวนหลาย ๆ ชนเผ่าที่มีอยู่ในประเทศไทย เดิมชาวแสกมีภูมิลำเนาอยู่ที่เมืองรอง ขึ้นกับเมืองเว้อยู่ทางตอนกลางของประเทศเวียดนาม และประเทศจีนชนเผ่าแสกเป็นชนเผ่าที่มีความอุตสาหะบากบั่น ยึดมั่นในความสามัคคี เมื่อเห็นว่าภูมิลำเนาเดิมไม่-เหมาะสม จึงได้รวบรวมสมัครพรรคพวกอพยพหาที่อยู่ใหม่โดยอพยพลงมาตามแม่น้ำโขง แล้วมาตั้งถิ่นฐานชั่วคราวอยู่ระหว่างประเทศเวียดนามกับประเทศลาว โดยมี “ท้าวกายซู”และ “ท้าวกายซา” เป็นหัวหน้าในการอพยพ
ต่อมาในสมัยสมเด็จพระเจ้าปราสาททอง แห่งกรุงศรีอยุธยากษัตริย์ของไทย ชาวแสกจึงได้พากันอพยพข้ามแม่น้ำโขงมาตั้งถิ่นฐานอยู่ที่ “ป่าหายโศก” การอพยพของชาวแสกแต่ละครั้งนั้นไม่ได้ถูกบังคับหรือถูกข่มเหงแต่อย่างใด เมื่อชาวแสกเห็นว่าบริเวณ “ป่าหายโศก”เป็นพื้นที่มีความอุดมสมบูรณ์ด้วยทรัพยากรต่าง ๆ จึงได้อพยพพากันมาประกอบอาชีพอยู่แห่งนี้เรื่อยมา จนถึงสมัยพระสุนทรเป็นเจ้าเมือง ได้พิจารณาเห็นว่า ชาวแสกมีความสามารถ มีความเข็มแข็ง สามารถปกครองตนเองได้ จึงยกฐานะของชาวแสกขึ้นเป็นเมือง โดยเปลี่ยนชื่อใหม่จาก “ป่าหายโศก” เป็นเมือง “อาจมสามารถ” หรือ “บ้านอาจสามารถ”จนทุกวันนี้ เมื่อได้ยกฐานะเป็นเมืองแล้ว ชาวแสกได้พากันโยกย้ายที่อยู่ ไปทำมาหากินในถิ่นต่าง ๆ เช่น บ้านไผ่ล้อม (ตำบลอาจสามารถ) บ้านดงสมอ บ้านบะหว้า (อำเภอนาหว้า) ในพื้นที่ของอำเภอศรีสงคราม จังหวัดนครพนม และที่บ้านโพธิ์คำ(ประเทศลาว) ชาวแสกเหล่านี้ล้านมีเชื้อสาย และเป็นญาติพี่น้องกับชาวแสกที่บ้านอาจสามารถทั้งสิ้น
จากคำบอกเล่าของชาวแสก ทราบว่า ปัจจุบันยังมีเผ่าแสกอยู่ที่แคว้นสิบสองปันนา ประเทศจีนและที่สมุทรปราการ เมื่อครั้งชาวแสกอพยพมาใหม่ ๆ มีอาชีพต่าง ๆ กัน คือ ทำนา ประมง ทำปูนขาว ร่อนทองคำ เดิมสถานที่ที่ตั้งบ้านอาจสามารถเป็นแหล่งแร่ ปัจจุบันหาแหล่งแร่ยาก อาชีพร่อนทองคำจึงยกเลิกไปประเพณีวัฒนธรรมแสกเต้นแสก การแสดงแสกเต้นแสก ชาวแสกจะไม่แสดงบ่อยนัก ตามประเพณีชาวแสก จะแสดง การแสดงเต้นแสกจัดขึ้นใน วันขึ้น ๒ ค่ำ เดือน ๓ ซึ่งตรงกับประเพณี “กินเตรท” หรือ “วันตรุษญวน”ในวันนี้ ชาวแสกทั้งหมดจากันนำดอกไม้ ธูป เทียน ข้าวปลาอาหาร ไปพร้อมกันที่ศาลเจ่าที่ชาวแสก เรียกว่า “ศาลองมู่”ซึ่ง “องมู่” นี้ เป็นบรรพบุรุษที่ชาวแสกเคารพนับถือมาก จะทำกิจการใดก็มักจะไปบนบานศาลกล่าวเสมอ และว่ากันว่าศักดิ์สิทธิ์มาก เมื่อชาวแสก นำข้าวปลาอาหารทยอยกันไปที่“ศาลองมู่”ศาลนี้จะตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกติดริมฝั่งแม่น้ำโขง ลักษณะเหมือนศาลพระภูมิทั่วไป มีไฟประดับให้สวยงามในวันงาน รอบ ๆ ศาลจะมีไม้ทำเป็นดาบทาสีอยู่รอบศาล สันนิษฐานว่าแสดงถึงความสามารถในด้านการต่อสู้ ซึ่งสามารถนำประชาชนพรรคพวกตนมาหาชัยภูมิอันเหมาะสมได้
ที่มา http://www.oknation.net/blog/ADISAKTOTO/๒๐๐๙/๐๔/๒๗/entry-๑